พาณิชย์ชวนสมัครรางวัล PM’s Export Award 2023 เข้มยกระดับภาคส่งออกไทย ปรับตัวรับเศรษฐกิจใหม่ ขานรับเทรนด์โลกมุ่งสู่ความยั่งยืน
กรุงเทพ 2566 : กระทรวงพาณิชย์ เตรียมจัดรางวัล Prime Minister’s Export Award 2023 ภายใต้แนวคิด “Better Vision Brighter Future: เปิดมุมมองใหม่ ขับเคลื่อนธุรกิจไทย มุ่งสู่เศรษฐกิจแห่งอนาคต อย่างเต็มภาคภูมิ” ยกระดับรางวัลขานรับเศรษฐกิจยุคใหม่ ชูเป้าหมายการค้าไทยติด TOP 5 ของเอเชีย พร้อมเปิดเวทีเสวนาดึง 4 บริษัทต้นแบบรางวัล PM’s Export Award ร่วมแชร์ไอเดียสร้างแรงบันดาลใจแนะแนวทางพัฒนาธุรกิจให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “โจทย์สำคัญของ DITP ในปี 2566 คือการเดินหน้าผลักดันให้ผู้ประกอบการมีการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถพร้อมแข่งขันสู่เวทีโลก รวมทั้งการสร้างภาพลักษณ์ให้กับภาคธุรกิจไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมสนับสนุนการเปิดตลาดส่งออกไปยังเวทีโลก โดยกรมตั้งเป้าสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยให้เป็น 1 ใน 5 ของเอเชียภายในปี 2570 ซึ่งเป็นการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต และการเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันทางการค้าของผู้ประกอบการไทยของท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ซึ่งกรมได้จัดรางวัล Prime Minister’s Export Award หรือ PM’s Export Award 2023 เพื่อสร้างแรงจูงใจและสร้างกำลังใจในการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย Startup / SMEs Micro SMEs และอื่น ๆ เพื่อให้ภาคธุรกิจได้รับรู้ว่าภาครัฐให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคธุรกิจทุกระดับ”
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์
“อย่างไรก็ดี ในปีนี้ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจการค้าโลก ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวเพื่อตอบสนอง New Economy หรือเศรษฐกิจยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ BCG Economy สู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ โดยรางวัลPrime Minister’s Export Award เป็นอีกหนึ่งการดำเนินงานสำคัญของกรม เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศที่สะท้อนความน่าเชื่อถือของภาคธุรกิจส่งออกไทย ที่มีกระบวนการผลิตและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของประเทศที่จะรับกับความท้าทายใหม่ๆ มีศักยภาพ ที่สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก อีกทั้ง ยังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่น เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาธุรกิจตนเองให้ดียิ่งขึ้น” นายภูสิตกล่าวเสริม
นางสาวประอรนุช ประนุช
นางสาวประอรนุช ประนุช ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “ปีนี้รางวัล PM’s Export Award 2023 ดำเนินการภายใต้แนวคิด “Better Vision Brighter Future: เปิดมุมมองใหม่ ขับเคลื่อนธุรกิจไทยมุ่งสู่เศรษฐกิจแห่งอนาคต อย่างเต็มภาคภูมิ” เพื่อเป็นการต้อนรับการก้าวสู่ทศวรรษใหม่ ปีที่ 31 สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ก้าวสู่การเป็นผู้ส่งออกที่มีศักยภาพ โดยตลอดระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 30 ปี มีผู้ได้รับรางวัลแล้วรวมจำนวนทั้งสิ้น 784 รางวัล จาก 257 บริษัท ในปีที่ผ่านมา กรมได้มีการทบทวนหลักเกณฑ์เพื่อยกระดับรางวัลให้สอดรับต่อแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก และแนวทางการพัฒนาภาคการส่งออกไทย โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเปลี่ยนจากภาคการผลิตสินค้ามาสู่ภาคบริการมากขึ้น โดยนำแนวคิดเรื่องนวัตกรรมและการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน (Environmental, Social and Governance: ESG) มาเพิ่มเป็นน้ำหนักคะแนนของเกณฑ์การตัดสินแต่ละสาขารางวัล ซึ่งประเด็นเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจของประเทศ”
รางวัล PM’s Export Award 2023 แบ่งออกเป็น 7 ประเภทสาขารางวัลประกอบด้วย
1.รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกยอดเยี่ยม Best Exporter 2.รางวัลแบรนด์ไทยยอดเยี่ยม Best Thai Brand โดยจำแนกระดับและประเภทแบรนด์ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 2.1 ระดับ Existing Brand แบรนด์ที่มีมายาวนาน แบ่งเป็น Corporate Brand และ Product Brand 2.2 ระดับEmerging Brand แบรนด์ที่เกิดใหม่ที่มีการจดทะเบียนนิติบุคคล และจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ในช่วง 1-4 ปี รางวัลธุรกิจ BCG ส่งออกยอดเยี่ยม Best BCG Exporter ซึ่งเป็นการปรับจากรางวัลสินค้าส่งเสริมนวัตกรรมยอดเยี่ยม (Best Innovation) เพื่อให้สอดคล้องกับวาระแห่งชาติในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ Bio Circular-Green Economy Model หรือ BCG 3.รางวัลธุรกิจ BCG ส่งออกยอดเยี่ยม Best BCG Exporter ซึ่งเป็นการปรับจากรางวัลสินค้าส่งเสริมนวัตกรรมยอดเยี่ยม (Best Innovation) เพื่อให้สอดคล้องกับวาระแห่งชาติในการพัฒนา
4.รางวัลการออกแบบยอดเยี่ยม (Best Design) โดยมีการเพิ่มกลุ่มผลงานการออกแบบระบบ บริการและแพลตฟอร์มดิจิทัล 5.รางวัลธุรกิจบริการยอดเยี่ยม (Best Service Enterprise) แบ่งออกเป็น 4 สาขา ประกอบด้วย – สาขาโรงพยาบาล/ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง/คลินิกเฉพาะทาง (Health & Wellness) (เพิ่มจาก 1 สาขารางวัลเป็น 2 สาขารางวัล) – สาขาดิจิทัลคอนเทนท์และซอฟแวร์ (Digital Content & Software) – สาขาโลจิสติกส์การค้า (ELMA) – สาขาธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (Printing and Packaging) (เพิ่มเป็น 2 สาขารางวัล)
ม.ล.คฑาทอง ทองใหญ่
ม.ล.คฑาทอง ทองใหญ่ นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะคณะกรรมการตัดสินรางวัล PM’s Award Export กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปีนี้กรมได้พัฒนาและยกระดับรางวัล Prime Minister’s Export Award ให้สอดรับกับเศรษฐกิจยุคใหม่ ใน 5 มิติ ได้แก่ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (Innovation & technology), การออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ (Design & Creativity), การสร้างแบรนด์และการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Branding & Value Creation), การพัฒนาตามแนวคิดเศรษฐกิจ BCG (BCG Model) และมีเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals (SDGs)) โดยประเด็นที่ท้าทายดังกล่าวได้ถูกนำไปพัฒนาและปรับหลักเกณฑ์การพิจารณาตัดสินรางวัลให้ครอบคลุมทั้ง 7 ประเภทสาขาของรางวัล PM’s Award Export โดยองค์กรธุรกิจยุคใหม่ควรแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และแนวทางการ บริหารในด้านต่างๆ เช่น แนวทางหรือแผนงานด้าน BCG และ SDGs การลงทุนสำหรับการผลิตหรือเทคโนโลยีที่มีความยั่งยืน พลังงานสะอาด ด้านการวิจัยและพัฒนา รูปแบบผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม New Technology / New material / Eco Material นอกจากนี้กรมยังต้องการส่งเสริม Micro และ SMEs สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในรางวัลนี้มากขึ้น เช่น ธุรกิจ Start up Emerging Brand เป็นต้น
อีกทั้งภายในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ได้เชิญวิทยากรพิเศษจาก 4 บริษัท ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล PM’s Export Award จากปีที่ผ่านมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การทำธุรกิจ และประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการ พร้อมเปิดมุมมองใหม่ของการทำธุรกิจ เพื่อเป้าหมายการขับเคลื่อนธุรกิจไทย มุ่งสู่เศรษฐกิจแห่งอนาคต โดยวิทยากรพิเศษดังกล่าว ประกอบด้วย
1. คุณโกสินทร์ วิระพรสวรรค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปลน ครีเอชั่นส์ จำกัด ผู้ผลิตของเล่นไม้สำหรับเด็กจากมุมมองความยั่งยืน รายแรกของโลกที่ได้เปลี่ยนไม้ยางพาราที่หมดอายุการให้น้ำยาง และผง ขี้เลื่อยให้กลายเป็นวัสดุใหม่ PlanWood มาใส่ความคิดสร้างสรรค์จนกลายเป็นของเล่นไม้จากยางพาราที่เสริมสร้างพัฒนาการเด็ก ภายใต้แบรนด์ PlanToys
2. คุณนิติพันธุ์ ดารกานนท์ กรรมการ บริษัท โซไนต์ อินโนเวทีฟ เซอร์เฟสเซส จำกัด บริษัทผู้คิดค้น นำวัสดุที่เหลือทิ้งจากภาคเกษตรไม่ว่าจะแกลบข้าว กะลามะพร้าว และผักตบชวา มาทำเป็นสิ่งที่มีคุณค่า Material Development แปรรูปเป็นของใช้ในบ้าน ของตกแต่งบ้านในดีไซน์ที่สวยงาม พร้อมชูคุณสมบัติที่เหมาะสมต่อการใช้งานทนทาน มีมาตรฐาน และยั่งยืน
3. คุณวราภรณ์ มนัสรังษี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค-เฟรช จำกัด บริษัทที่ประสบความสำเร็จจากการส่งออกมะพร้าวน้ำหอมผลสดเป็นบรรจุภัณฑ์ในตัวเองเพื่อสร้างความยั่งยืนจากการทำวิจัยนวัตกรรม เพื่อให้ผู้บริโภคได้บริโภคมะพร้าวน้ำหอมที่มีความสะดวกสบายมากขึ้น ภายใต้ชื่อ “coco Thumb”
4. คุณอัจฉรา ปู่มี กรรมการผู้จัดการบริษัท แพค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้สร้างสรรค์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเครื่องทำน้ำร้อน และเครื่องปรับอากาศประหยัดพลังงาน จากจุดเด่นนำพลังงานที่สูญเปล่ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ และลดปริมาณการใช้พลังงานเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน (Sustainability)
สำหรับสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล PM’s Export Award จะได้รับการสนับสนุนให้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่าง ๆ ของกรมและพันธมิตร รวมทั้งจะได้รับการสนับสนุนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้ส่งออกในรูปแบบการเข้าร่วมสัมมนา การฝึกอบรมเชิงลึก รวมทั้งจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการประชาสัมพันธ์ อาทิ ได้รับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในฐานะผู้ได้รับรางวัลในสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และสามารถใช้ตราสัญลักษณ์ PM’s Export Award เป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อส่งเสริมการขาย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2566 (Prime Minister’s Export Award 2023 หรือ PM’s Export Award 2023) ปีที่ 31 จะจัดให้มีพิธีมอบรางวัลฯ โดยนายกรัฐมนตรี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ ดังนั้น ผู้ประกอบการในสาขาต่างๆ ที่สนใจเข้าร่วมสมัครรับคัดเลือกรางวัล สามารถสมัครได้ตั้งแต่ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2566 ที่ pmaward.ditp.go.th หรือ โทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2136 5226, 0 2507 8290 (ในวันและเวลาราชการ)