9 เหตุผลที่ไม่ควรพลาด นักฆ่าจับเวลาตาย“The Equalizer 3 : มัจจุราชไร้เงา 3”
The Equalizer หรือชื่อภาษาไทยว่า “มัจจุราชไร้เงา” เป็นแฟรนไชส์ภาพยนตร์แนวแอคชั่น กำกับภาพยนตร์โดย “แอนทวน ฟูควา” (Antoine Fuqua) ซึ่งดัดแปลงจากซีรี่ส์โทรทัศน์ชื่อเดียวกันในยุค 1980s นำแสดงโดย ป๋าเดนเซล หรือเดนเซล วอชิงตัน (Denzel Washington) นักแสดงรุ่นใหญ่ระดับตำนานเจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ และ 2 รางวัลออสการ์ ในบทบาท “โรเบิร์ต แม็คคอล” ผู้ที่ยุติชีวิตในฐานะมือสังหารของรัฐบาล แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจนกลายมาเป็นฮีโร่พยุงความยุติธรรม ผู้อยู่เหนือกฎหมายฉายา “มัจจุราชไร้เงา” หรือ นักฆ่าจับเวลาตาย ที่ให้โอกาสผู้ร้ายกลับตัวกลับใจภายใน 9 วินาที
เป็น 9 วินาที ที่ต้องลุ้นว่า ผู้ร้ายจะรอดจากเงื้อมมือมัจจุราชสุดเท่อย่างป๋าเดนเซลได้หรือไม่?
ภาคแรกได้เข้าฉายในปี 2014 และถูกใจแฟนๆ คอหนังแอคชั่นทริลเลอร์มากๆ เพราะบทบู๊ที่เฉียบขาด สังหารโหด เลือดเย็น แต่เท่สุดๆ ตามสไตล์นักฆ่าหน้าสุขุมที่เฉียบคม ลุ่มลึก โทนแอคชั่นเข้มข้นแมนๆ ต่อสู้กับแก๊งมาเฟียรัสเซียเพื่อช่วยเหลือเด็กสาวที่ถูกจับมาขายตัว บทบาทนี้ทำให้ป๋าเดนเซลกลายเป็นขวัญใจผู้ชมในทันที
ต่อมา ‘The Equalizer 2’ เข้าฉายในปี 2018 สานต่อภารกิจจากภาคแรกและทำรายได้ถล่มทลายเช่นเดิม และในปี 2023 ป๋าเดนเซลกลับมาอีกครั้งกับภาคจบบทสรุปของมือสังหารระดับพระกาฬของ “มัจจุราชไร้เงา” The Equalizer 3 ภาคสุดท้ายของหนังแฟรนไชส์ระดับตำนานอีกเรื่องของ Hollywood ที่ไม่ควรพลาด
มาดู 9 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาด “The Equalizer 3 : มัจจุราชไร้เงา 3”
1.Denzel Washington เป็นนักแสดงระดับตำนาน ฝีมือดี เล่นสมบาทบาท ถ้ามีชื่อ Denzel Washington อยู่ในภาพยนตร์เรื่องไหน มั่นใจได้เลยว่านี่คือภาพยนตร์คุณภาพ ที่เป็น A Must-See! พลาดไม่ได้ ซึ่ง The Equalizer 3 เป็นภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของป๋าเดนเซล เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่า หนังดีแน่นอน
2.The Equalizer 3 คือภาคจบ ภาคสุดท้ายแล้วของภาพยนตร์แฟรนไชส์ที่หลายคนตั้งตารอ ไปลุ้นกันว่า สุดท้าย “โรเบิร์ต แม็คคอล” ฮีโร่นักฆ่าฉายา “มัจจุราชไร้เงา” หรือนักฆ่าจับเวลาตาย จะใช้ชีวิตสงบๆได้หรือไม่ นี่คือภาคสุดท้ายแล้ว ต้องตามเก็บให้ครบ ไม่ดูคือพลาด และหนังแอคชั่นต้องดูบนจอใหญ่เพื่ออรรถรสในการรับชมอย่างแท้จริง
3.เป็นการกลับมาพบกันอีกครั้งของ 2 นักแสดงคุณภาพเจ้าของรางวัลออสการ์ อย่าง เดนเซล วอชิงตัน (Denzel Washington) นักแสดงรุ่นใหญ่ระดับตำนานเจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำและ 2 รางวัลออสการ์ กับนักแสดงสาวสวยเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง ดาโกต้า แฟนนิ่ง ที่ทั้งสองเคยร่วมงานกันมาแล้วในปี 2004 เรื่อง Man on Fire ขณะที่ดาโกต้าอายุเพียง 10 ขวบเท่านั้น The Equalizer 3 คือการกลับมาพบกันอีกครั้งในรอบเกือบ 20 ปี กับบทบาทนักฆ่าจับเวลาตาย 9 วิ และเจ้าหน้าที่ ซีไอเอสาว(เอ็มม่า) เป็น 2 ตัวละครที่ท้าทายกันตลอดทั้งเรื่อง “แม็คคอลใช้ชีวิตในโลกใบนี้พร้อมกับปริศนามากมายและเอ็มม่าก็พยายามล้วงลึกลงไปให้เจอว่าเขาเป็นใคร ทำไมเขาถึงอยู่ตรงนั้น เขามีเบอร์เธอได้ยังไงและพวกเขาเกี่ยวข้องกันยังไง” ร่วมลุ้นและตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน
4. เปิดตัวแรงมากหลังจากที่เข้าฉายในต่างประเทศไปเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตัวเลขรายได้ของ The Equalizer 3 นั้นสูงถึง 60 ล้านเหรียญจากทุนสร้าง 70 ล้านเหรียญ โดยแบ่งเป็นรายได้ใประเทศ 34 ล้านเหรียญและรายได้ต่างประเทศอีก 26 ล้านเหรียญ
5.ภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่อง The Equalizer คือภาพยนตร์ที่ติดอันดับ TOP 10 หนังดีของเดนเซล จากการจัดอันดับของ Community TV เมื่อปี 2020 และนี่คือภาคจบของภาพยนตร์ที่ติดอันดับ TOP 10 ของหนังป๋าเดนเซล แถมยังเป็นภาคสุดท้ายแล้วด้วย ดังนั้นแฟนๆ หนังป๋าเดนเซล ป๋าดาราในตำนานไม่ควรพลาด
6.เดนเซล วอชิงตัน กลับมารับบทมัจจุราชไร้เงา ซึ่งเป็นบทบาทที่โด่งดังของเขา ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “The Equalizer 3 แตกต่างจากสองภาคแรกมากๆ ผมคิดว่ามันมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการไถ่บาปของตัวเขาเองและการปล่อยวางจากอดีตครับ” ไปตามดูกันว่าภาค 3 จะแตกต่างจากสองภาคแรกอย่างไร และโรเบิร์ต แม็คคอล จะค้นพบความสุขสงบที่แท้จริงได้หรือไม่
7.เป็นครั้งแรกที่การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นในต่างประเทศ เพื่อให้แฟรนไชส์ Equalizer เปิดกว้างขึ้น ตามที่ทีมผู้สร้างกล่าวไว้ว่า แล้วจะมีที่ไหนที่ดีไปกว่าอิตาลี ประเทศนี้โด่งดังจากการมีทีมงานฝีมือเยี่ยมที่สุดในโลก ซึ่งผู้อำนวยการสร้าง ท็อดด์ แบล็คและเจสัน บลูเมนธัล กล่าวว่า “นั่นหมายถึงว่าทีมงานจะเต็มไปด้วยคนที่มีฝีมือสุดยอดในแต่ละด้าน ทั้งทีมสร้างฉาก ทีมงานก่อสร้าง ทีมเสื้อผ้า เราจ้างคนท้องถิ่นของอิตาลีมาทำงานด้วยและพวกเขาก็มีฝีมือยอดเยี่ยมมาก” ในขณะที่เดนเซลบอกว่า “มีนักแสดงหนุ่มสาวมากมายในหนังเรื่องนี้ที่เป็นนักแสดงอิตาเลียน ที่ผมคิดว่าผู้ชมจะต้องประทับใจและตื่นเต้นกับการแสดงของพวกเขา”
8.เสียงวิจารณ์จากเว็บไซต์วิจารณ์หนังที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “มะเขือเน่า” หรือ Rotten Tomatoes ถือว่าเยี่ยมมาก ซึ่ง The Equalizer 3 ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือต่างๆ สูงถึง 74% อยู่ในระดับ Fresh (60 – 74% = Fresh ต้องมีอย่างน้อย 40 บทวิจารณ์ และต้องมี Top Critics 5 คนขึ้นไป) ซึ่งอีกเพียง 1 % ก็จะไปสู่ระดับ Certified Fresh ในขณะที่การสำรวจจากลุ่มผู้รับชมทั่วไป ได้รับคะแนนสูงถึง 94% สูงสุดชนะทุกภาคไปเลย
9.ปลอบประโลมจิตใจของเราด้วยหนังฮีโร่ สังคมยังอยากให้มี “ฮีโร่” ในเมื่อชีวิตจริงเราตามหาฮีโร่ได้ยาก เราจึงยังต้องปลอบประโลมจิตใจตัวเองด้วยภาพยนตร์แนวฮีโร่ เพื่อฮีลใจเพิ่มพลังบวกให้ตัวเอง และ The Equalizer 3 เป็นการเรียกคืนความยุติธรรมสำหรับผู้คนมากมายที่ไม่สามารถจะช่วยเหลือตัวเองได้
โคลัมเบีย พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ “The Equalizer 3 : มัจจุราชไร้เงา 3” ตำนานนักฆ่าจับเวลาตาย แอคชั่นความมันส์สุดคูลของ Denzel Washington กับบทบาท Robert McCall ที่คราวนี้มาล่าล้างแค้นคืนความยุติธรรมครั้งสุดท้าย กำกับภาพยนตร์โดย “แอนทวน ฟูควา” 14 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
TheEqualizer3 #มัจจุราชไร้เงา3 #นี่มันหนังป๋าเดนเซล #เดนเซลป๋าดาราในตำนาน