สศท. จัดงานแสดงนิทรรศการ “SACIT Concept 2025” สืบสาน สร้างสรรค์ ส่งเสริม งานศิลปหัตถกรรมไทยในทุกมิติ

สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. จัดงานแสดงนิทรรศการ “SACIT Concept 2025” ระหว่างวันที่ 18 – 22 มิถุนายน 2568 ณ ฮอลล์ 5 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงาน “Crafts Bangkok 2025” เพื่อเผยแพร่และต่อยอดเชิงพาณิชย์ผลงานต้นแบบจากโครงการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ (SACIT Concept 2025) ภายใต้แนวทางการ “สืบสาน สร้างสรรค์ ส่งเสริม งานศิลปหัตถกรรมไทยในทุกมิติ” ผ่านการสืบสานให้คนรุ่นใหม่ เน้นความสำคัญของการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับ องค์ความรู้ดั้งเดิมที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นและกลายเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัย สอดรับความต้องการของตลาด ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดย สศท. ได้เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรมได้ร่วมมือกับ 7 นักออกแบบและนักสร้างสรรค์ ได้แก่ คุณอมรเทพ คัชชานนท์, คุณศุภชัย แกล้วทนงค์, คุณธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์, คุณอภิวัฒน์ ชิตะปัญญา, คุณวลงค์กร เทียนเพิ่มพูน, คุณปิติ อัมระรงค์ และคุณธีรพจน์ ธีโรภาส ในการต่อยอดองค์ความรู้จากภูมิปัญญาดั้งเดิมผ่านแนวคิดร่วมสมัย ผสมผสานนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อเสริมสร้างคุณค่า ให้ผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรม และการต่อยอดเชิงพาณิชย์ในผลิตภัณฑ์งานศิลปหัตถกรรมไทยอย่างยั่งยืน

ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย เปิดเผยว่า การจัดงาน SACIT Concept 2025 ในครั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีการทำงานร่วมกันระหว่างช่างกับนักออกแบบโดย SACIT ได้ Design Matching ระหว่างนักออกแบบกับช่างงานศิลปหัตถกรรมเพื่อที่จะประสานทักษะกับแนวคิดในเรื่องของการออกแบบที่จะต้องทำงานร่วมกัน แล้วนำไปสู่การสร้างงานใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดการค้าได้ อาจเริ่มต้นจากงานชิ้นสองชิ้น นำไปสู่การสร้างเป็นคอลเลคชั่นป้อนเข้าสู่ตลาด ซึ่ง SACIT เล็งเห็นถึงความสำคัญในการที่ต่อยอดในอนาคต เรามีกลุ่มเครือข่ายพันธมิตร ด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของห้างสรรพสินค้า หรือโรงแรม ผู้สร้างงานในแง่ของการตลาด อาทิ สยามพิวรรธน์ เครือเซ็นทรัล เดอะมอลล์กรุ๊ป และ บันยันทรี ซึ่งเป็นผู้ที่จะสามารถเป็นอีกแรงพลักดันรวมถึงมีส่วนกระตุ้นและสนับสนุนการซื้อผลงานของผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรมต่อไป

“มีความคาดหวังว่างาน SACIT Concept 2025 จะมีผู้สนใจเข้าชมไม่ต่ำกว่าปีที่แล้วคือ 30,000 คนขึ้นไป เพราะว่าพื้นที่ที่เราจัดงานในปีนี้สามารถจะเดินเข้าถึงได้อย่างสะดวกด้วย ผู้มาร่วมงานจะได้สัมผัสกับการเรียนรู้ในสิ่งที่ SACIT ทำแล้วขยายผลออกไป กลุ่มผู้เข้าร่วมนอกจากจะเป็นบุคคลที่มีความสนใจโดยทั่วไปแล้ว คาดว่าจะมีชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยว ที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ รวมถึงคนเจนที่เป็นเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเรียน และ ชื่นชมงานศิลปหัตถกรรม ซึ่งในอนาคตเขาจะกลายเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญ ในงานนี้ถือว่าเป็นโชว์เคสของผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่าง ๆ ความร่วมมือนอกเหนือจากงานที่เราทำร่วมกับดีไซเนอร์แล้ว จะมีกลุ่มชุมชนที่ทำงานภายใต้โครงการที่ทำร่วมกันอยู่ UNESCO ในปีนี้ด้วย เป็นการเน้นถึงการกระจายโอกาสไปสู่เมืองสร้างสรรค์ที่อยู่ภายใต้ทีม creative city network มีทั้งหมด 7 เมืองในไทย เราคัดสรรกลุ่มช่างแต่ละจังหวัด มาทำงานร่วม ให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นำไปสู่เรื่องของการขยายผลและพัฒนาต่อไปในอนาคตครับ”

คุณธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์ ดีไซเนอร์แบรนด์ Qualy กล่าวว่า เป้าหมายของการร่วมงานครับในครั้งนี้ อยากให้ผลงานสืบต่อไปถึงอนาคต งาน Crafts ที่ดูเป็นวัฒนธรรมมากอยากให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงง่าย โดยมีการออกแบบให้ร่วมสมัยมากขึ้น คอนเซ็ปต์ของผลงานที่นำมาจัดแสดงคือ โลกทุกวันนี้และสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน มาผสมผสานรวมใส่ไว้ในงาน Crafts ครั้งนี้ เทคนิคของงานในครั้งนี้คือการใช้เทคนิคของงานประเภทเครื่องเขิน งานลงรักปิดทองแบบโบราณแต่นำมาทำร่วมสมัย หยิบเอาวัสดุประเภทรีไซเคิลกลับมาสื่อในชิ้นงานเหล่านี้ นำเอาวัสดุธรรมชาติวัสดุรีไซเคิลมารวมกับกรรมวิธีโบราณให้เกิดเป็นผลงานชิ้นใหม่


“เป็นการผสมผสานระหว่างกรรมวิธีโบราณที่ใช้วัสดุธรรมชาติแต่จะสื่อให้เห็นเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของโลกในปัจจุบันว่ามีความสวยงามเมื่อมองจากภายนอกเปรียบเหมือนชิ้นงานชิ้นนี้มองจากภายนอกเป็นสีสันสวยงามสีทอง แต่เมื่อสัมผัสอย่างใกล้ชิดจะเห็นว่าชิ้นงานเกิดจากวัสดุธรรมชาติวัสดุรีไซเคิลที่เอามาประกอบกับกรรมวิธีโบราณทำให้เกิดผลงาน ที่มีการเล่าเรื่องเกี่ยวกับสภาวะแวดล้อมของโลกในปัจจุบัน”

ทางด้าน นางสาวอัจฉราภรณ์ กล่ำเกลื่อน เจ้าของผลิตภัณฑ์หัตถศิลป์ภายใต้แบรนด์ Mama Style กล่าวว่า ภูมิใจและรู้สึกว่าได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองมาอีกขั้นหนึ่ง คือจากที่ตัวเองทำเทคนิคลงรักอยู่แล้ว โครงการนี้ทำให้เราได้สร้างฝันในรูปแบบใหม่ ๆ ทำชิ้นงานอยู่บนพลาสติก ได้ทำผลงานออกมาในรูปแบบทันสมัยมากขึ้น ด้วย คอนเซ็ปต์ของงานชิ้นนี้ทำให้เราได้เรียนรู้เพิ่มมากขึ้นกับวัสดุที่นำมาใช้ ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุธรรมชาติวัสดุรักษ์โลกทำให้มีผลต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ตระหนักถึงสภาวะสิ่งแวดล้อมรักษ์โลกมากขึ้น เทคนิคลงรักปิดทองของงานชิ้นนี้เป็นเทคนิคแบบธรรมชาติจึงทำให้การผสมผสานระหว่างวิธีกรรมแบบโบราณกับวัสดุธรรมชาติในปัจจุบันมันทำให้เข้ากันได้อย่างลงตัว

“ในฐานะตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่ ได้แสดงศักยภาพในด้านงานช่างในรูปแบบใหม่ๆ ที่ไม่ใช่อยู่แค่บนไม้หรือโลหะในแบบดั้งเดิม แต่ยังผสมผสานกับวัสดุรีไซเคิลได้อย่างลงตัว และยังสามารถสื่อถึงคอนเซ็ปต์ต่างๆที่เราออกแบบใส่ลงไปในชิ้นงานนั้นๆ”

นายอภิวัฒน์ ชิตะปัญญา นักออกแบบเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ Masaya กล่าวว่า งานวิเศษศิลป์เป็นงานทองเหลืองเคาะมือ เอกลักษณ์คือการขึ้นรูปจากแผ่นทองเหลืองด้วยมือ งานหลักของช่างคือ ตีงานขึ้นรูปเป็นแจกันงานใบบัวงานโต๊ะหมู่บูชา เป็นการออกแบบทองเหลืองให้ร่วมสมัยมากขึ้น ใช้เทคนิคดั้งเดิมแต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีความสวยงามมากขึ้น จัดวางองค์ประกอบเพื่อให้เข้ากับบริบทการใช้สอยมากขึ้น เทคนิคของงานคือการใช้สี ทำเทคนิคให้เป็นสีสนิมเช่นสีเขียวหรือสีน้ำตาลเพื่อเลียนแบบธรรมชาติสร้างความเป็นวินเทจให้เข้ากับวัสดุที่เป็นทองเหลือง ซึ่งถือว่าเป็นวัสดุที่รีไซเคิลได้อยู่แล้วเข้ากับกระบวนการการรักษ์โลก สร้างงานให้มันดูยั่งยืนมากขึ้น การใช้งานยาวนานมากขึ้น เป็นการประหยัดพลังงานลดขั้นตอนขบวนการการผลิตซ้ำ ผลงานเป็นนำเสนอเทคนิคใหม่โดยการนำแผ่นวิทยาศาสตร์หลากสี เป็นสี metallic นำมาทำในรูปแบบลงรักปิดทอง เกิดความมีมิติสีที่ทับซ้อนกันมากขึ้นทำให้เกิดผลงานชิ้นใหม่ ๆ เป็นงานที่ต่อยอดสามารถนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ทั่วไปที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เป็นงานร่วมสมัยกับการอนุรักษ์ดั้งเดิมให้มีส่วนร่วมกับวิถีชีวิตในยุคสมัยใหม่

ส่วน นายศุภชัย แกล้วทนงค์ ศิลปินผู้มีชื่อเสียง ในฐานะ Art & Culture Design Consultant กล่าวว่า ทำงานร่วมกับ กลุ่มงานมาคราเม่ by นิชา (Macrame) คือ กลุ่มงานฝีมือที่เกี่ยวข้องกับการถักเชือกหรือปมเพื่อสร้างลวดลายและรูปทรงต่างๆ ร่วมกับชาติพันธุ์ชนเผ่าอาข่า จ.เชียงราย เทคนิคที่ทำคือการทำไม้กรงนกโดยไม่ใช้ตะปูใช้เป็นข้อต่อเป็นสลัก ร่วมกับชุมชน เป็นระยะเวลา 10 ปีมาแล้ว คุณนิชาอยู่ในสายงานพวงมาลัย และเครื่องแขวนต่างๆ ผลงานที่นำมาจัดแสดงได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องแขวนที่เรียกว่ากลิ่นจระเข้ อยากให้มีการพัฒนาขึ้นไปอีกมากกว่ารูปแบบเดิมไม่ใช่มีแค่งานถัก ผสมร่วมกับวัสดุอื่น โดยเลือกใช้งานไม้และเชือก เลือกใช้สี และรูปแบบให้ทันสมัยมากขึ้น เทคนิคที่ใช้ในงานคือการต่อข้อต่อของไม้ และการถักเชือกที่มีการกำหนดสี สามารถถอด ประกอบ เพิ่มชิ้นงานต่อขยาย ปรับเปลี่ยนได้ เป็นการต่อยอดที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบจากงานแขวน ให้เป็นโคมไฟ กรอบรูป หรือโครงสร้างอื่นได้



ทั้งนี้ภายในงาน “SACIT Concept 2025” เป็นการจัดนิทรรศการจัดแสดงผลงานต้นแบบจาก 14 ผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรม ได้แก่ ผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรมจากแบรนด์ NODE SILP, แบรนด์ Macrame by Nicha, แบรนด์ วิเศษศิลป์, แบรนด์ วิชัยกุลเครื่องเขิน, แบรนด์ Amorn Macrame Art, แบรนด์ ร้านเงินนันทกานต์, แบรนด์ จากตรัง, แบรนด์ Chofa Studio, แบรนด์ Mama Style, แบรนด์ Nualkanok Benjarong, แบรนด์ Mullika, แบรนด์ INTHAI, แบรนด์ ARAYA และ แบรนด์ KORKOK สะท้อนอัตลักษณ์อันโดดเด่นของรูปแบบผลงานหัตถศิลป์ร่วมสมัย


สศท. ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจในงานศิลปหัตถกรรมไทย เข้าชมผลงานต้นแบบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ฯ จากโครงการ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยได้ในงานนิทรรศการแสดงผลงานต้นแบบ “SACIT Concept 2025” ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 22 มิถุนายน 2568 ณ ฮอลล์ 5 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงาน “Crafts Bangkok 2025”

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) โทร.035-367054 -6 คุณเปี่ยมพร ฉายศรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ สำนักพัฒนางานศิลปหัตถกรรม