Garnier & กทม.ชวนทุกคนมาเพิ่มพื้นที่สีเขียว “Hop into the Greeniverse ก้าวสู่จักรวาลสีเขียวที่ทุกคนสร้างได้” 10-16 พ.ค.67 ณ ลานใบบัว สกายวอล์คแยก ปทุมวัน

การ์นิเย่ แบรนด์สกินแคร์ชั้นนำระดับโลกด้านความงามจากธรรมชาติ จับมือกับ กรุงเทพมหานคร เพิ่มพื้นที่สีเขียวใจกลางกรุง กับ ครั้งแรกของสวนลอยฟ้า ระหว่างวันที่ 10 – 16 พฤษภาคม 2567 ณ ลานใบบัว สกายวอล์ค สี่แยกปทุมวัน (ลานทางเชื่อม MBK – สยามดิสคัฟเวอรี) ที่งานGarnier Green Beauty: Hop into the Greeniverse ก้าวสู่จักรวาลสีเขียวที่ทุกคนสร้างได้ เพื่อชวนทุกคนตระหนักรักษ์สิ่งแวดล้อม สัมผัสธรรมชาติผ่านประสบการณ์อินเตอร์แอคทีฟ (Nature with Immersive Experience) และเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างพันธกิจกรีนบิวตี้ สวยใส่ใจโลกไปด้วยกัน โดยมีสื่อมวลชน แขกผู้มีเกียรติ และอินฟลูเอนเซอร์ มาร่วมในงานเปิดงานนี้มากมาย

Choose Greener: วิธีการที่ง่ายที่สุด ที่จะร่วมเป็น Greener หรือผู้ที่รักษ์และใส่ใจในสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มต้นที่ตัวเราเองเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การคัดแยก และรีไซเคิลขยะ รวมทั้งการเลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ การ์นิเย่ ก็ได้นำแนวคิด Garnier Green Sciences ศาสตร์ของการรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ของการ์นิเย่ในทุกๆ ขั้นตอน เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อโลกน้อยที่สุด ตั้งแต่ส่วนผสม ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่อผู้บริโภคในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อหวังว่าทุกคนจะสามารถใช้ชีวิตแบบกรีนได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

ve Greener: ใช้ชีวิตท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ดี เต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้และความเป็นธรรมชาติ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ การ์นิเย่ จึงมีความตั้งใจที่จะเพิ่มพื้นที่สาธารณะสีเขียว ให้เป็นปอดเล็กๆ ของคนกรุง สำหรับพักผ่อนและทำกิจกรรมต่างๆ จึงได้ร่วมสนับสนุนการเพิ่มจำนวนสวนสาธารณะภายในกรุงเทพฯ ภายใต้นโยบาย “สวน 15 นาที” โดยเริ่มต้นจากการจัดนิทรรศการสวนลอยฟ้า “Garnier Green Beauty: Hop into the Greeniverse ก้าวสู่จักรวาลสีเขียวที่ทุกคนสร้างได้

คุณสุมิตา อัครโรจน์กิจ – ผู้จัดการทั่วไปแบรนด์การ์นิเย่ กล่าวว่า ทุกวันนี้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ถูกละเลยมายาวนาน เริ่มส่งผลกระทบกลับคืนมายังพวกเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ใกล้ตัวเราที่สุดเห็นจะไม่พ้นสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นมากผิดปกติในปีนี้ รวมทั้งภัยพิบัติในต่างประเทศที่รุนแรงมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ดังนั้น การ์นิเย่ ในฐานะแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย จึงได้จัดทำโครงการ “Garnier Green Beauty สวยใส่ใจโลก” อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้ชีวิตของเรา การ์นิเย่จึงอยากมีส่วนช่วยให้ทุกคน ใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วย 2 แนวคิดง่ายๆ ได้แก่ “Choose Greener” การ์นิเย่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ความงามที่ส่วนผสมและบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นตัวเลือกสีเขียวให้กับผู้บริโภค และ “Live Greener” ด้วยการสร้างธรรมชาติสีเขียวขึ้นรอบตัวเรา ซึ่งการ์นิเย่ ได้ร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ใจกลางกรุง ให้เป็นสวนลอยฟ้านี้ หวังเป็นส่วนหนึ่งให้คนกรุงเทพได้ใกล้ชิดธรรมชาติได้มากขึ้น นอกจากนี้ ต้นไม้ไม้ดอก และไม้ประดับ กว่า 18,000 ต้น และเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด จะส่งมอบให้กรุงเทพมหานคร เพื่อสนับสนุนโครงการ “สวน 15 นาที” พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาพื้นที่สวนสาธารณะในอนาคตต่อไปอีกด้วย

รองศาสตราจารย์ ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ แบรนด์ชั้นนำอย่าง การ์นิเย่ ได้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่พวกเราต้องเผชิญกับผลกระทบในทุกวันนี้ และอยากมีส่วนร่วมในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประชาชน ซึ่งทางกรุงเทพมหานครเอง ได้มีนโยบายสวน 15  นาทีทั่วกรุงเทพฯ โดยมีเป้าหมายภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนรวมถึงประชาชน เพื่อให้เป็นรูปธรรม มีความยั่งยืน และเป็นไปตามความต้องการใช้งานของชุมชนและลักษณะของพื้นที่ ตั้งเป้าให้มีสวน 15 นาที เพิ่มขึ้นจำนวน 500 แห่ง ภายในปี 2569 จึงเป็นโอกาสดีที่ภาครัฐและเอกชนจะได้ร่วมมือกันทำให้กรุงเทพมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น สิ่งแวดล้อมที่พวกเราอาศัยก็จะดีขึ้นนั่นเอง

นิทรรศการสวนลอยฟ้า “Garnier Green Beauty: Hop into the Greeniverse ก้าวสู่จักรวาลสีเขียวที่ทุกคนสร้างได้” จะพาผู้ชมไปพบกับความกรีน 5 โซนที่ใครๆ ก็สามารถร่วมเป็น Greener ได้ง่ายๆ ใกล้ตัว ได้แก่

  • โซนแรก Oasis Zone ได้แรงบันดาลใจจากระบบนิเวศและแหล่งน้ำ ชวนให้ตระหนักว่าพืชและสีเขียวของผืนป่า คือส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบนิเวศสมบูรณ์แบบ ซึ่งการ์นิเย่เองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องของน้ำ จึงได้มีการพัฒนาระบบน้ำในโรงงานและแหล่งผลิต โดยสามารถลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตได้ถึง 55%
  • โซนที่สอง Green Air เรื่องราวของคุณภาพอากาศในเมือง เพื่อชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของพื้นที่สีเขียว เพราะเพียงคนกรุงเทพปลูกต้นไม้คนละ 1 ต้น ก็สามารถสร้างอากาศสะอาดได้ถึง 9 – 15 กิโลกรัมต่อปี ที่ผ่านมา การ์นิเย่ พยายามลดการปล่อยก๊าซ CO2 ไปสู่ชั้นบรรยากาศให้ได้มากที่สุด รวมถึงเน้นการใช้พลังงานสะอาด และพลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิต โดยมีเป้าหมายที่จะใช้พลังหมุนเวียน 100% ภายในปี 2025
  • โซนที่สาม Ecological Diversity ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ เชื่อมโยงถึงกัน และต้องพึ่งพาอาศัยกันไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ดังนั้นสิ่งมีชีวิตทุกชนิดคือส่วนหนึ่งที่จะร่วมกันทำให้ระบบนิเวศน์สมบูรณ์  ทุกผลิตภัณฑ์ของการ์นิเย่ มุ่งจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืนให้มากที่สุด นอกจากนี้ ทุกผลิตภัณฑ์ของการ์นิเย่ไม่มีการทดลองในสัตว์ และ 99% ของส่วนผสมเป็นวัตถุดิบวีแกน
  • โซนที่สี่ Edible Haven เชิญชวนให้ทุกคนมาเป็น Greener รักษ์และใส่ในสิ่งแวดล้อมไปด้วยกันกับการ์นิเย่ ด้วยเชื่อว่าทุกคนสามารถร่วมพัฒนาและสร้างความยั่งยืนให้สิ่งแวดล้อมได้ จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาการทุกชุมชนผู้ผลิต โดยการ์นิเย่ ได้พัฒนาชุมชนของผู้ผลิตของเราให้สามารถสร้างครอบครัว ชุมชนและ แหล่งผลิตที่ยั่งยืนกว่า 1,500 ชุมชมทั่วโลก
  • โซนที่ห้า Wellness Retreat สร้างสรรค์สวนสาธารณะขนาดย่อมให้ผู้ชมและผู้สัญจรได้พักผ่อนหย่อนใจ ไปพร้อมกับการรับรู้ในความสำคัญของต้นไม้และพื้นที่สีเขียวที่ควรปกป้องอย่างยั่งยืนด้วยการ 1. สร้างและปกป้องพื้นที่เขียวในเมืองให้มากที่สุด 2. ส่งเสริมการใช้ชีวิตที่ไม่ส่งผลกระทบของสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นให้มากที่สุด

ข้อมูลน่ารู้ของ “Garnier Green Beauty สวยใส่ใจโลก”

  1. Garnier เป็นแบรนด์ภายใต้ ลอรีอัล กรุ๊ป บริษัทความงามอันดับ 1 ของโลก ที่มีพันธกิจด้านความยั่งยืนปี 2030 ภายใต้โปรแกรม L’Oreal for the Future โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเข้มข้น ในการยกระดับการทำงานด้านความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่าและเอาใจใส่ ด้วยเป้าหมายการทำงานนี้ ทุกแบรนด์ในเครือลอรีอัล รวมถึงแบรนด์การ์นิเย่ จะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้สังคมและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การทำงานต้นน้ำถึงปลายน้ำของการผลิตผลิตภัณฑ์
  2. “Green Beauty สวยใส่ใจโลก” คือค่านิยมองค์กรของการ์นิเย่ เพราะเราเชื่อว่าการใช้ชีวิตโดยส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด หรือการใช้ชีวิตแบบกรีนเป็นสิทธิ์ของทุกคน ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นการ์นิเย่จึงประสงค์ที่จะส่งเสริม และทำให้การใช้ชีวิตแบบกรีนเป็นเรื่องที่เข้าถึงทุกคนได้ จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ในทุกขั้นตอนการผลิตเพื่อให้ส่งผลกระทบต่อโลกน้อยที่สุด ในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
  3. Hop into the Greeniverse” คือคอนเซ็ปต์ของนิทรรศการที่การ์นิเย่อยากให้ทุกคนเข้ามาเรียนรู้โลกของ Green Beauty สวยใส่ใจโลก ไปพร้อมๆ กัน ผ่านรูปแบบการจัดสวนชั่วคราวใจกลางกรุงเทพ พร้อมสัมผัสธรรมชาติผ่านประสบการณ์อินเตอร์แอคทีฟ (Nature with Immersive Expérience) และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพันธกิจการเป็น Greener หรือ ชาวรักษ์โลกไปด้วยกัน
  4. ภายใต้แคมเปญ “Green Beauty สวยใส่ใจโลก” การ์นิเย่ ได้พัฒนา และทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับโลกของเราดังนี้ – ปี 2022 การ์นิเย่ ประเทศไทย จัดกิจกรรมการรีไซเคิลขวดไมเซล่า และขวดน้ำพลาสติก PET  สามารถหมุนเวียนเข้าสู่ระบบได้ถึง 80 ตัน และปี 2023 รีไซเคิลได้มากถึง 250 ตัน เทียบเท่ากับขวดน้ำพลาสติกขนาด 500 มล, กว่า 14.1 ล้านขวด โดยมีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 212% – 83% ของบรรจุภัณฑ์ของการ์นิเย่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล และด้วยการใช้พลาสติกรีไซเคิล สามารถลดการสร้างพลาสติกใหม่ได้กว่า 15,800 ตัน ซึ่งมีปริมาณเทียบเท่ากับขวดน้ำขนาด 500 มล. จำนวน 891 ล้านขวด – ในปี 2023 การ์นิเย่ได้ลดขนาดของบรรจุภัณฑ์แบบซอง และได้ปรับเปลี่ยนส่วนประกอบของวัสดุบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนกว่า ซึ่งช่วยลดการใช้วัตถุดิบลงถึง 101 ตัน หรือเทียบเท่ากับลดการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบซองลงไปถึง 10,000 ล้านชิ้น – ในปี 2023 การ์นิเย่ยังได้ลดน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากแก้ว ซึ่งได้ช่วยลดการใช้วัตถุดิบลงกว่า 126 ตัน หรือเทียบเท่ากับการลดการผลิตขวดเซรั่มขนาด 30 มล. ไปกว่า 2 ล้านชิ้น – ภายในปี 2025 การ์นิเย่ตั้งเป้าที่จะไม่ใช้พลาสติกเกิดใหม่เลยในกระบวนการผลิต ซึ่งจะสามารถลดการสร้างพลาสติกเกิดใหม่ถึง 40,000 ตันต่อปี หรือเทียบเท่าขวดน้ำขนาด 500 มล. จำนวน 22,560 ล้านขวด – ปัจจุบัน 98.5% ของบรรจุภัณฑ์กระดาษของการ์นิเย่ เป็นกระดาษที่ได้รับการรับรองความยั่งยืนโดยองค์กรป่าไม้ FSC® เป็นการรับรองว่า ต้นไม้ที่นำมาผลิตจะไม่ส่งผลต่อการทำลายป่าไม้ – 99% ของส่วนผสมของผลิตภัณฑ์การ์นิเย่เป็นส่วนผสมที่เป็นวีแกน และกว่า 80% ของสูตรผลิตภัณฑ์ของการ์นิเย่ เป็นสูตรวีแกน – การ์นิเย่ได้รับการรองโดย Cruelty Free International มาตั้งแต่ปี 1989 เป็นการรับรองว่า ตลอดกระบวนการผลิตครอบคลุมถึง 500 ผู้ผลิตและผู้ให้บริการ รวมถึงวัตถุดิบกว่า 2,800 ชนิด  ไม่มีการทดลองในสัตว์

You may have missed